5 ชนิดรางน้ำฝน

5 ชนิดรางน้ำฝน

1. รางน้ำสังกะสี

แผ่นเหล็กเคลือบสังกะสี หรือนิยมเรียกว่า แผ่นสังกะสี เป็นวัสดุที่นิยมพับเป็นรางน้ำ เพราะราคาไม่แพง จึงใช้กันแพร่หลายมาตั้งแต่อดีต

    ข้อดี ตัดและพับขึ้นรูปได้ตามรูปแบบและขนาดที่ต้องการ ราคาไม่แพง ติดตั้งได้โดยช่างทั่วไปในท้องถิ่น
    ข้อด้อย เป็นสนิมและผุกร่อนได้ และมีความยาวจำกัด จึงมีรอยต่อซึ่งมักเป็นจุดที่น้ำรั่วซึม หากติดตั้งแบบลอยตัวจะเห็นโครงรับราง


2. รางน้ำสแตนเลส

สแตนเลสเป็นโลหะที่ไม่เป็นสนิม จึงนำมาใช้ภายนอกแทนสังกะสีมากขึ้น

    ข้อดี พับขึ้นรูปได้เช่นเดียวกับสังกะสี แต่มีความแข็งแรงมากกว่า มีความทนทานสูง ไม่เป็นสนิม
    ข้อด้อย มีความยาวจำกัดจึงมีรอยต่อที่น้ำอาจรั่วซึมได้ มีการขยายตัวมาก พื้นผิวมีความมันวาวทำให้ไม่เข้ากับสไตล์บ้าน และหากติดตั้งแบบลอยตัวจะเห็นโครงรับราง

3. รางน้ำเหล็กชุบสี

วัสดุรางน้ำอีกประเภทที่เน้นความแข็งแรง โดยทำจากเหล็กผ่านกรรมวิธีกันสนิมและชุบสีให้สวยงาม

    ข้อดี แข็งแรง มีระบบสำเร็จรูปสำหรับประกอบหน้างาน มีสีให้เลือกหลากหลาย
    ข้อด้อย มีหลายคุณภาพตามแต่ละผู้ผลิต ราคาสูง หากเป็นสินค้านำเข้าใช้เวลานานในการดำเนินการ และมีจำนวนขั้นต่ำในการสั่ง หากติดตั้งแบบลอยตัวจะเห็นโครงรับราง

4. รางน้ำไฟเบอร์กลาส

ไฟเบอร์กลาส คือ เส้นใยของแก้วที่ปั่นให้เป็นเส้นละเอียด เพื่อใช้เป็นวัสดุเสริมแรงในพอลิเมอร์หลายประเภท รวมทั้งพลาสติกเรซินที่นิยมนำมาขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเส้นใยแก้วมีความแข็งแรง ทนแรงดึงได้สูง ไม่เป็นสนิม และทนต่อการกัดกร่อน
Advertisement

    ข้อดี มีความทนทานสูงมีทั้งแบบสำเร็จรูปและสั่งผลิตได้ น้ำหนักเบา มีการเชื่อมรอยต่อให้เป็นเนื้อเดียวกัน
    ข้อด้อย วิธีการติดตั้งมีการตัด เจาะ ประกอบหน้างาน ซึ่งการตัดวัสดุและการเชื่อมรอยต่อด้วยน้ำยาอาจทำให้เกิดการระคายเคือง หากติดตั้งแบบลอยตัวจะเห็นโครงรับราง

5. รางน้ำไวนิล

ไวนิลเป็นโพลิเมอร์สังเคราะห์ชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติพิเศษกว่าโพลิเมอร์หรือพลาสติกทั่วไป มีความแข็งแรง ไม่ลามไฟ ทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี และไม่เป็นพิษ ทั้งยังมีกระบวนการผลิตที่ใช้พลังงานต่ำและนำกลับมารีไซเคิลได้ 100%

    ข้อดี รางน้ำฝนไวนิลสำเร็จรูป เอสซีจี ได้พัฒนาไวนิลให้เหมาะสำหรับภูมิอากาศประเทศไทยโดยเฉพาะ จึงมีความทนทานสูง มีชิ้นส่วนครบชุดแบบสำเร็จรูป จึงติดตั้งง่าย ทำงานได้ทันที รวดเร็ว และได้มาตรฐาน มีดีไซน์สวยงามเพราะเมื่อติดแล้วจะยาวต่อเนื่องโดยไม่เห็นโครงรับรางน้ำ
    ข้อด้อย เนื่องจากเป็นระบบสำเร็จรูป จึงมีรูปแบบและสีจำกัด

5 ไอเดียเปลี่ยนรางน้ำฝน ให้เป็นมากกว่าที่รองน้ำธรรมดา

          1. ต่อรางน้ำฝนให้เป็นของเล่นเพื่อการเรียนรู้ ไม่ต้องออกไปซื้อของเล่นแพง ๆ ให้ลูกอีกต่อไป เพราะเราสามารถเอารางน้ำฝนเหลือใช้มาต่อให้เป็นรางแข่งเรือสำหรับเด็ก ๆ

          2. รองใต้ม้านั่งทำเป็นรางแช่เครื่องดื่ม จากม้านั่งธรรมดาเราจะมาเปลี่ยนให้เป็นม้านั่งเพื่องานปาร์ตี้ แค่ติดรางน้ำฝนไว้ด้านล่างแล้วใส่น้ำแข็งลงไป เท่านี้เราก็จะได้รางแช่เครื่องดื่มเก๋ ๆ ไว้อวดเพื่อนแล้ว

          3. รางปลูกต้นไม้เล็ก ๆ ให้ตรงสเปกชาวฮิปสเตอร์ มองหามุมที่เหมาะกับการปลูกต้นไม้แล้วติดรางน้ำฝนเข้าไป เลือกหาผักสวนครัวหรือต้นไม้ไซส์จิ๋วที่ถูกใจมาปลูกไว้ให้สวยงาม

          4. ลืมแจกันปักดอกไม้ไปได้เลย เพราะถ้าอยากได้เซ็นเตอร์พีชสวย ๆ ไว้จัดโต๊ะ แค่ปลูกต้นไม้เล็ก ๆ เช่นไม้อวบน้ำหรือแคคตัสลงไปในรางน้ำฝนเก่า แล้วเอาไปวางไว้กลางโต๊ะ
   
          5. เก็บหนังสือให้เป็นระเบียบบนรางชั้นวาง ไอเดียเพื่อให้หนอนหนังสือได้ลองนำรางน้ำฝนมาติดไว้ที่ผนังมุมโปรด แล้วจัดเรียงเล่มโปรดให้หยิบอ่านอย่างง่ายดาย

5.รางน้ำฝนขนาดใหญ่ เลือกอย่างไรให้ตอบโจทย์การใช้งาน

 1.  รางน้ำฝนไวนิล เป็นวัสดุผิวเรียบปัจจุบันมีให้เลือกหลายลานและหลายสี เหมาะกับอาคารหรือบ้านที่ต้องการความสวยงาม ข้อดีคือไม่เป็นสนิมและสามารถติดตั้งเพื่อใช้งานได้ง่าย มีอายุการใช้งานยาวนาน 10 ปีขึ้นไป  2. รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาส มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 20 ปี พื้นผิวเรียบและมีให้เลือกหลากหลายสี ไม่เป็นสนิม ต้องใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำการติดตั้งจึงจะได้รางน้ำฝนขนาดใหญ่ติดชายคาบ้านหรืออาคารที่มีประสิทธิภาพ
 2. รางน้ำฝนสแตนเลส มีอายุการใช้งาน 20 ปี มีความทนทานและไม่เป็นสนิม ต้องติดตั้งโดยการเชื่อม
 3. รางน้ำฝนสังกะสี อายุการใช้งานสั้นกว่าวัสดุประเภทอื่น ๆ คือ 5 ปี มีความทนทานน้อยกว่า ผุกร่อนได้ง่ายกว่ารวมถึงมีความสวยงามน้อยกว่า
 4. รางน้ำฝนเหล็กชุบสี มีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี เหมาะกับคนที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายเนื่องจากมีราคาถูกกว่าวัสดุประเภทอื่น อีกทั้งยังมีหลากหลายสีสันที่สามารถเลือกใช้ได้เพื่อความสวยงาม ติดตั้งโดยการเชื่อมซึ่งต้องใช้ช่างที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อให้งานออกมามีคุณภาพ         

 5. การเลือกรางน้ำฝนขนาดใหญ่ควรเลือกที่มีอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 10-15 ปี เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา รวมถึงควรเลือกรูปร่างของรางน้ำที่มีด้านหลังสั้นกว่าด้านหน้าเนื่องจากจะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำล้นหรือไหลย้อนเข้าไปยังเชิงชายและฝ้าเพดานได้ดีกว่า

เมื่อทราบความแตกต่างของวัสดุรางน้ำฝนขนาดใหญ่แต่ละประเภทรวมถึงวิธีการเลือกรางน้ำฝนกันแล้ว เชื่อว่าคุณคงจะเลือกรางน้ำฝนให้เหมาะกับการใช้งานและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวกันได้เป็นอย่างดี